วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

มหาเทพซุส


           

             เมื่อสงครามสงบ ซูสซึ่งมีความพึงพอใจในตัวมีทิสเทพธิดาไทแทนที่มาช่วยทำยาสำรอกให้โครนัส ดื่มก็คอยเฝ้าตามตื้อมีทิสไปทุกแห่ง หวังจะได้นางเป็นชายา ฝ่ายมีทิสนั้นก็พยายามหลีกหนีโดยแปลงร่างไปต่างๆ นานา แต่ซูสก็ยังติดตามไปไม่ห่าง


                       ในที่สุดมีทิสก็ยอมแพ้ความพยายามของซูสและยอมรับซูสเป็นสวามีจน ตั้งครรภ์ขึ้น แต่จอมมารดาจีอากลับพยากรณ์ว่าหากมีทิสมีโอรส โอรสนั้นจะโค่นอำนาจของซูส ด้วยความเกรงกลัวคำพยากรณ์ซูสจึงจับมีทิสกลืนลงท้องไป

                          ต่อมาไม่นานซูสก็มีอาการปวดหัวจนทนไม่ไหวต้องผ่าหัวออก จึงปรากฎร่างของเทพีเอเธนาในชุดนักรบเดินออกมาจากหัวของซูส เทพีเอเธนานี้เป็นธิดาของซูสกับเมทิส เป็นเทพีแห่งสติปัญญา และมักจะอยู่ใกล้ๆ ซูสเพื่อให้คำแนะนำซูสตลอดมา




Posted Image

            
            เมื่อสิ้นมีทิสไปแล้ว ซูสก็เจ้าชู้มีชายาไปทั่ว แต่ที่หมายมั่นปั้นมือมากที่สุดก็คือเทพธิดาฮีราพี่สาวสุดสวย ฝ่ายฮีราก็เอาแต่หนีด้วยกลัวความเจ้าชู้ของน้องชายจนซูสไม่อาจเข้าใกล้ตัวฮีราได้ ซูสจึงใช้แผนแปลงร่างเป็นนกน้อยบินฝ่าสายฝนไปตกตรงหน้าฮีรา

          ฮีราเห็นนกน้อยที่น่าสงสารบินหมดแรงมาตกตรงหน้า เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหนาว นางจึงโอบอุ้มนกน้อยนั้นไว้แนบออกเพื่อให้ไออุ่น ซูสได้ทีก็แปลงร่างกลับเป็นจอมเทพและกอดฮีราไว้จนนางไม่อาจหนีได้อีกต่อไป ด้วยอุบายของซูสทำให้ฮีรารู้สึกอับอายจึงยินยอมอภิเษกกับซูสหลัง จากที่หลีกหนีซูสมาได้ถึง 
300 ปี และฮีราก็อยู่ช่วยซูสปกครองสวรรค์ที่เขาโอลิมปัสตลอดมา

        พระนางฮีราให้กำเนิดโอรสธิดากับซูส คือ ฮีบี้ (Hebe) อิลลิธธียา (Ilithyia) และแอรีส (Ares) และด้วยอารมณ์โกรธที่เห็นซูสให้กำเนิดเทพีเอเธนาจากศีรษะ พระนางฮีราก็ให้กำเนิดโอรสโดยไม่พึ่งพาซูสบ้าง โอรสองค์นั้นคือ เฮฟิสทัส



                  ด้านการปกครองสวรรค์ในยุคแรกนั้น ซูสถูกท้าทายอำนาจอีกหลายครั้ง เริ่มจากจอมมารดาจีอาที่มีความไม่พอใจซูส เนื่องจากซูสจับไทแทนซึ่งเป็นโอรสและธิดาของจอมมารดาจีอาหลายองค์ไปขังไว้ในตรุทาร์ทะรัส จอมมารดาจีอาจึงเนรมิตอสูรขึ้นตนหนึ่ง เรียกว่า ไทฟอน  (Typhon) เป็นอสูรที่ดุร้ายและมีร่างกายประหลาดน่ากลัวมาก คือ มีหัวเป็นมังกรนับร้อยหัวที่ยาวเกือบจะถึงดวงดาว มีเปลวไฟพิษพวยพุ่งออกจากดวงตา มีลาวาไหลออกจากปาก แผดเสียงก้องกัมปนาทตลอดเวลาดังกว่าราชสีห์คำรามพร้อมกันเป็นร้อยตัว มันหักยอดเขาขว้างใส่เหล่าทวยเทพจนเทพทั้งหลายต่างตกใจพากันหนีเตลิดจากเขา โอลิมปัสไปหลบซ่อนตัวกันจ้าละหวั่น และด้วยความที่กลัวว่าอสูรจะตามทัน เทพเหล่านั้นยังจำแลงองค์เป็นสัตว์นานาชนิดด้วยเพื่อมิให้อสูรจำได้ เช่น ซูสจำแลงร่างเป็นแกะ ฮีราจำแลงร่างเป็นโค เป็นต้น

                             แต่เทพีแห่งสติปัญญาเอเธนาได้กล่าววาจาเตือนสติซูสจนซูสเกิดความ ละอายจึงกลับคืนสู่เขาโอลิมปัสอีกครั้งเพื่อหาทางปราบอสูรไทฟอน ส่วนเทพอื่นๆ เมื่อได้สติก็กลับมาช่วยซูสต่อสู้กับไทฟอน

                         ซูสใช้สายฟ้าอาวุธประจำตัวต่อสู้กับอสูรไทฟอนอย่างดุเดือด จนยากที่จะมีผู้ใดรอดชีวิตอยู่ได้หากเข้าไปใกล้บริเวณสู้รบ การสู้รบดำเนินไปเป็นเวลานาน ไทฟอนหันไปหักยอดเขาเอตนามาขว้างใส่ซูส แต่ซูสก็ใช้สายฟ้าฟาดยอดเขาเอตนาลอยละลิ่วกลับมาทับอสูรไทฟอนไว้ใต้เขาจนไม่ สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีก ซูสจึงได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ครั้งนี้ ส่วนไทฟอนก็ยังคงถูกทับอยู่ใต้เขา และมันยังคงพยายามพ่นไฟ พ่นลาวา ออกมาอยู่บ่อยๆ



                       ต่อมาไม่นานนัก จอมมารดาจีอาก็เนรมิตยักษ์ร้ายชื่อเอนเซลาดัส (Enceladus) มาต่อสู้กับซูสอีก แต่ซูสก็สามารถจับยักษ์ร้ายเอนเซลาดัสไว้ได้ ซูสจับเอนซาลาดัสล่ามโซ่และขึงพืดไว้ใต้ภูเขาเอตนา เอนเซลาดัสคำรนคำรามแผดเสียงกึกก้องอยู่ใต้เขาเอตนาบางทีก็พ่นไฟขึ้นหวังจะ ทำอันตรายซูส ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดอย่างรุนแรง แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปเอนเซลาดัสก็เริ่มอ่อนแรงจึงหยุดสำแดงฤทธิ์อาละวาด เพียงแต่ขยับตัวทำให้เกิดแผ่นดินไหวเป็นครั้งคราวเท่านั้น


                        เมื่อทั้งอสูรไทฟอนและยักษ์ร้ายเอนเซลาดัสพ่ายแพ้อย่างราบคาบ จอมมารดาจีอาก็เลิกคิดจะเนรมิตสัตว์ร้ายใดๆ มาทำร้ายซูสอีก สรวงสวรรค์จึงสงบขึ้น


                  แต่สงครามสั่นบัลลังก์อำนาจของซูสยังมีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เกิดจากพี่น้องของตนเอง โดยมีมเหสีฮีราเป็นผู้นำกบฏ




Posted Image


           เเนื่องจากซูสขึ้นครองตำแหน่งจอมเทพตั้งแต่วัยหนุ่ม ด้วยนิสัยใจร้อน หุนหันพลันแล่น และเอาแต่ใจ เทพองค์อื่นๆ รู้สึกไม่พอใจจึงวางแผนโค่นอำนาจซูส แผนก่อการครั้งนี้นำโดยเทวีฮีราผู้เป็นมเหสี โปไซดอน เฮอร์เมส และเทพีเอเธนา โดยเทพีฮีรานั้นคิดก่อการโค่นอำนาจซูสส่วนหนึ่งมาจากเพราะเบื่อกับความเจ้า ชู้ของซูสด้วย


        เทวีฮีราลงมือมอมยาให้ซูสหลับ จากนั้นเทพกบฏก็เข้ามาจับซูสมัดไว้กับรถม้าด้วยเชือกหนัง และยึดสายฟ้าอาวุธของซูสไว้ด้วย เมื่อซูสได้สติก็ไม่สามารถแก้มัดเชือกหนังนั้นได้เพราะเทพกบฏผูกปมไว้ถึง 100 ปม

                     ระหว่างที่เหล่าเทพหารือกันว่าจะให้ใครขึ้นเป็นจอมเทพแทนซูส ธีทิสเทพีไทแทนผู้เป็นชายาองค์หนึ่งของซูสก็ได้เรียกเบรียรูสยักษ์ 50 หัว ให้มาช่วย เบรียรูสใช้มือ 100 มือแก้ปมเชือกทั้ง 100 ปมออกได้อย่างรวดเร็ว พอซูสเป็นอิสระก็สามารถแย่งสายฟ้ากลับคืนมาได้
                       เมื่ออาวุธสายฟ้าอันทรงอานุภาพกลับมาอยู่ในมือซูส เหล่าเทพกบฏต่างก็คุกเข่าขออภัยโทษต่อมหาเทพ

            ซูสให้โปไซดอนและเฮอร์เมสสาบานว่าจะไม่คิดคดทรยศอีก จากนั้นก็ลงโทษสถานเบาให้ลงไปช่วยงานมนุษย์เป็นเวลา 1 ปี

                     สำหรับเทพีเอเธนานั้น ซูสไม่ได้ลงโทษ ด้วยเทพีเอเธนานั้นไม่ได้เต็มใจจะเข้ากับกลุ่มกบฏ

           ส่วนมเหสีฮีราในฐานะผู้นำกบฏถูกลงโทษหนักโดยจอมเทพจับมัดด้วยสาย เงินที่ข้อเท้า แขวนนางไว้กับขื่อสวรรค์ และเอาทั่งเหล็กมาถ่วงไว้ด้วย เฮฟีสทัสพระโอรสพยายามเข้าช่วยเหลือพระมารดา จึงถูกซูสจับโยนตกลงมาจากสวรรค์ทำให้ขาหักกลายเป็นเทพพิการไป


               การลงโทษโดยการแขวนนี้เจ็บปวดทรมานมากจนพระนางฮีราทนไม่ไหวร้องไห้ คร่ำครวญตลอดทิวาและราตรีแต่ไม่มีเทพองค์ใดกล้าช่วยเหลือ แต่ผ่านพ้นไปเพียงแค่ 4 วัน มหาเทพไม่ได้หลับได้นอนเพราะเสียงร้องคร่ำครวญของมเหสี พระองค์จึงบอกให้นางสาบานว่าต่อไปจะไม่คิดโค่นบัลลังก์ของพระองค์อีก พระนางฮีราไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่นจึงยอมสาบาน มหาเทพจึงยุติการลงโทษนางและรับกลับเป็นมเหสีเช่นเดิม 
       
             วันเวลาผ่านไป เมื่อซูสเติบใหญ่ขึ้นนิสัยมุทะลุวู่วาม เอาแต่ใจก็ลดน้อยลง กลายเป็นมหาเทพที่ฉลาดและสามารถปกครองสามโลกได้อย่างเที่ยงธรรม และปล่อยบรรดาไทแทนออกมาจากตรุทาร์ทะรัสด้วย...










ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&blogid=48&showentry=227

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น