วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

ยมโลก 2 ส่วน



~ดินแดนในยมโลกแบ่งออกเป็นสองส่วน~



                ยมโลกส่วนนอก เรียกว่า อีรีบัส (Erebus) เป็นดินแดนนรกด่านแรกที่จะไปถึง มีสุนัข 3 หัว หางเป็นมังกร ชื่อ เซอร์บิรัส (Cerbirus) เฝ้าอยู่ มันมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้คนภายนอกเข้า และป้องกันไม่ให้คนภายในออกจากนรกได้

              ส่วนยมโลกส่วนใน คือ ตรุทาร์ทะรัส
           เมื่อผ่านเซอร์บิรัสเข้าไปแล้วก็เป็นอันหมดหวังที่ผ่านเซอร์บิรัสกลับออกมาได้ และดวงวิญญานจะถูกพาไปรับคำพิพากษา


                     ในยมโลกนั้นมีผู้มีอำนาจทำหน้าที่ต่างๆ เกี่ยวกับการตัดสินและลงโทษดวงวิญญาน คือ 

          เทพฮาเดส เป็นเทพโลกันต์ผู้เป็นใหญ่แห่งขุมนรก

         เทพเฮอร์เมส เป็นเทพนำวิญญานผู้ตายมาส่งนรก



Posted Image



              ตุลาการทั้งสาม ประกอบด้วย แรดดะแมนธัส ไมนอส และอือคัส ทำหน้าที่พิพากษาวิญญาน โดยวิญญาณที่ชั่วร้ายจะถูกพิพากษาให้ต้องรับโทษอยู่ในยมโลก ส่วนวิญญาณที่ดีจะได้รับคำพิพากษาให้พาไปอยู่ยังทุ่งอีซิเลียนซึ่งถือเป็น สวรรค์ของมนุษย์
          เทวีทัณฑกร หรือ อีรินีส (Erinyes) หรือ ฟิวรีส (Furies) ซึ่งเป็นเทพีที่มีรูปลักษณะดุร้าย หน้าเหมือนสุนัข ลิ้นยาวถึงทรวงอก ดวงตากลวงโบ๋ มีงูพันคอยั้วเยี้ย น่าเกลียดน่ากลัว เล็บมืององุ้มเหมือนเหยี่ยว มีปีกเหมือนค้างคาว มือหนึ่งถือขวาน อีกมือหนึ่งถือคบไฟ มีหน้าที่ลงทัณฑ์ดวงวิญญานชั่วร้ายในยมโลก ฟิวริสนี้มีสามนาง คือ ไทสิโฟนี (Tisiphone) มีจีรา (Megaera) และอเล็กโต (Alecto)

           และที่ข้างบัลลังก์ของเทพฮาเดส มีหญิงชราสามพี่น้องนั่งอยู่ เรียกว่า เทพีโชคชะตา (Fates) ประกอบด้วย

          น้องเล็กปั่นฝ้าย หมายถึง การสร้างชีวิต

              คนกลางฟั่นเป็นเชือก หมายถึง ทำชีวิตให้มั่นคง แข็งแรง

             พี่ใหญ่เอากรรไกรตัด หมายถึง การทำให้ชีวิตแตกดับไปตามกาล

             มนุษย์ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหน ก็ไม่อาจหนีพ้นจากคณะทำงานทั้งหลายเหล่านี้ในยมโลกได้








ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&module=display&section=blog&blogid=48&showentry=324

ยมโลก



~สวรรค์ที่กล่าวนี้ต่างกันลิบลับกับยมโลก~

                ยมโลก เป็นดินแดนลึกลับและมืดมิด เนื่องจากอยู่ภายใต้ผืนแผ่นดิน และดวงอาทิตย์ส่องแสงไปไม่ถึง แสงสว่างภายในยมโลกได้มาจากกองไฟ คบ และไต้ ดินแดนแห่งนี้จึงมีแต่แสงสลัวชวนให้น่ากลัว

               ยมโลก เป็นดินแดนสำหรับพิพากษาวิญญานมนุษย์ผู้ทำบาป และเป็นที่กักขังทรมานทั้งวิญญานมนุษย์ และไม่ยกเว้นสำหรับเทพที่ทำผิดด้วย

              หนทางไปสู่ยมโลกนั้นก็แสนจะลำบากยากเย็น ทางหนึ่งนั้นคือต้องล่องเรือไปให้ไกลถึงสุดขอบโลก แล้วจะพบทางลงยมโลก ส่วนอีกทางหนึ่งคือเข้าไปทางถ้ำริมทะเลสาปที่น้ำลึกมากๆ

               ในยมโลกมีแม่น้ำทั้งหมด 5 สาย คือ

               แม่น้ำอคีรอน (Acheron) แม่น้ำแห่งความทุกข์ สีดำมะเมื่อม

              แม่น้ำโคซิทัส (Cocetus) แม่น้ำแห่งความโศกเศร้า มีรสเค็มเพราะเกิดจากน้ำตาผู้ที่ได้รับโทษทัณฑ์ในนรก

              แม่น้ำสติกซ์ (Styx) แม่น้ำแห่งความเกลียด เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าเทพใช้กล่าวคำสาบาน

              แม่น้ำลิธี (Lithe) แม่น้ำแห่งความลืม วิญญานคนตายดื่มน้ำจากแม่น้ำนี้แล้วจะลืมความทรงจำในชาติก่อน

              แม่น้ำเฟลจีธอน (Phelgethon) แม่น้ำแห่งเปลวไฟ ล้อมรอบตรุทาร์ทะรัสซึ่งเป็นนรกขุมที่ลึกที่สุด
Posted Image

               สำหรับดวงวิญญานคนตายที่จะต้องไปรับคำพิพากษาในขุมนรกนั้น จะต้องผ่านบริเวณที่แม่น้ำอคีรอนกับแม่น้ำโคซิทัสมาบรรจบกัน

             ณ ที่แห่งนั้นมีคนแจวเรือชื่อว่า ชารอน (Charon) คอยแจวเรือพาวิญญานข้ามไปส่งอีกฝั่งหนึ่ง ชารอนจะคิดค่าจ้างคนละ 1 โอโบล หากใครไม่มีเงินก็ต้องรอไป 100 ปี ชารอนจะพายเรือข้ามฟากฟรีเสียครั้งหนึ่ง








ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&module=display&section=blog&blogid=48&showentry=324

สวรรค์และยมโลก



~เรื่องราวของสวรรค์และยมโลก~

                ตามตำนานกรีกโบราณ สถานที่สถิตย์ของบรรดาเหล่าเทพ โดยเฉพาะเทพชั้นผู้ปกครองนั้นคือโอลิมปัส

                โอลิมปัสเป็นสวรรค์ของเหล่าเทพนับตั้งแต่ยุคของจอมมารดาจีอากับจอมบิดาอูรานอส เมื่อเปลี่ยนยุคเข้าสู่ยุคเทพไทแทน โอลิมปัสก็ยังคงเป็นที่อยู่ของเหล่าเทพอยู่ โดยเฉพาะจอมเทพโครนัสกับพระนางรีอาก็อาศัยอยู่ที่โอลิมปัสแห่งนี้

                ตราบจนเมื่อซูสยึดอำนาจจากโครนัสได้และตั้งตนเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ โอลิมปัสก็ยังคงเป็นที่สถิตย์ของเหล่าเทพสืบมา แต่เทพที่จะอยู่บนโอลิมปัสได้นั้น ต้องเป็นเทพผู้ใหญ่ระดับชั้นปกครอง ซึ่งในยุคของซูสมหาเทพนั้น เทพชนชั้นปกครองมีรวมทั้งสิ้น 12 องค์ รวมเรียกว่าโอลิมเปียนส์ มีหน้าที่ปกครองสามโลก คือสวรรค์ มนุษย์ และยมโลก

               บรรดาเทพที่รวมเรียกว่าโอลิมเปี้ยนส์นั้นประกอบด้วย มหาเทพซูส มเหสีฮีรา โปไซดอนเจ้าสมุทร ฮาเดสเทพโลกันต์ เฮสเทียเทพีเตาไฟ แอรีสเทพสงคราม อพอลลอนเทพสุริยัน อาร์ทีมิสเทพีจันทรา เฮอร์เมสเทพสื่อสาร เอเธนาเทพีปัญญา อโฟรไดทีเทพีแห่งความรัก และเฮฟิสทัสเทพการช่าง

             แต่มีเทพโอลิมเปียนส์ 3 องค์ ที่ไม่ยอมอยู่บนโอลิมปัส แต่มีที่อยู่ของตนเองต่างหาก คือ โปไซดอนเจ้าสมุทร ฮาเดสเทพโลกันต์ และเฮฟิสทัสเทพการช่าง

Posted Image

            โอลิมปัสนั้นกรีกโบราณเชื่อกันว่าคือเขาโอลิมปัส เป็นดินแดนพิเศษที่สูงจากแผ่นดินตั้งตระหง่านทะลุขึ้นไปเหนือเมฆ แต่บางตำนานก็กล่าวว่าโอลิมปัสนั้นไม่ได้ตั้งอยู่บนโลกมนุษย์ แต่เป็นดินแดนพิเศษที่ลอยอยู่เหนือแผ่นดิน และสามารถเอาแผ่นดินผูกห้อยไว้กับยอดโอลิมปัสได้

              ปราสาทที่อยู่ของเหล่าเทพบนโอลิมปัสนั้นผู้สร้างคือไซคลอปส์ยักษ์ตาเดียว โดยมีเฮฟิสทัสเทพการช่างเป็นผู้ตกแต่งภายใน ความพิเศษของพระราชวังนี้ เช่น โต๊ะเก้าอี้สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองได้ตามความประสงค์ของเทพและเทพีโดยไม่ต้องยก

            ทางเข้าโอลิมปัสเป็นประตูเมฆ มีเทพแห่งฤดูกาลเฝ้าประตูอยู่ ภายในเป็นที่อยู่อาศัยและที่ประชุมของเหล่าทวยเทพ โดยมหาเทพซูสกับมเหสีฮีรานั้นอยู่ในปราสาททางด้านทิศใต้ จากที่ประทับนี้ซูสสามารถมองเห็นและดูแลเมืองต่างๆ ในโลกมนุษย์ได้ คือ กรุงเอเธนส์ ธีบส์ สปาร์ตา โครินธ์ อาร์กอส และมายคานี

           ทิศเหนือตรงข้ามกับปราสาทของมหาเทพเป็นบริเวณห้องครัว ห้องจัดเลี้ยง ห้องอาวุธ และห้องเทวดารับใช้ ระหว่างกลางเป็นลานกว้าง โล่ง และซ้ายขวาเป็นปราสาทของเทพโอลิมเปี้ยนส์อีกข้างละ 5 ที่
Posted Image


           ปราสาทของเหล่าทวยเทพนี้มีความอลังการณ์สมฐานะ เช่น เทวบัลลังก์ของซูสนั้นทำด้วยหินอ่อนประดับทอง มีบรรไดสายรุ้งขึ้นไปเจ็ดขั้น เหนือขึ้นไปเป็นฟ้าใสเปรียบเสมือนสวรรค์ที่เป็นของมหาเทพแต่เพียงผู้เดียว ส่วนบัลลังก์ของเทพีฮีราทำด้วยงาช้าง มีบันไดแก้วขึ้นไปสามขั้น ด้านบนประดับห้อยด้วยดวงจันทร์ รองที่นั่งด้วยหนังวัวสีขาวซึ่งเทพีฮีราใช้กวัดแกว่งเมื่อยามต้องการให้ฝนตก

         บนสวรรค์โอลิมปัสมีแต่ความสงบ น่าอยู่ ไม่มีลมแรง ไม่มีฝนตก ไม่มีหิมะ มีแต่ปุยเมฆขาวห่อหุ้มอยู่ และมีดวงอาทิตย์ทอแสงงามอยู่เหนือกำแพง

        เทพทั้งหลายบนโอลิมปัสเสวยอาหารทิพย์ นุ่งห่มอาภรณ์พริ้วสวยงามจากฝีมือการทอและปักเย็บของเทพีเอเธนาและเหล่าเกรซ

         รองเท้าทองเป็นฝีมือของเฮฟีทัสเทพการช่าง รองเท้านี้มีความพิเศษที่สามารถเหยียบย่างไปได้ทุกที่ ไม่ว่าบนผืนแผ่นดิน หรือแผ่นน้ำ ด้วยความเร็วหมือนดังกระแสลม

        นอกจากนี้บรรยากาศบนโอลิมปัสยังมีความบันเทิงเริงใจด้วยเสียงพิณอันไพเราะ จากฝีมือการขับกล่อมของเทพอพอลลอนกับบรรดามิวส์ที่คอยขับกล่อมบรรเลงเพลง สวรรค์ให้ตลอดเวลา

        ที่สำคัญที่สุด แม้มนุษย์จะทำความดีหรือมีวีรกรรมที่น่าเชิดชูเพียงใดก็ตาม ตายไปแล้วเขาก็ไม่มีโอกาสไปอยู่บนโอลิมปัส เพราะที่นี่สงวนไว้สำหรับเหล่าเทพเท่านั้น ส่วนสวรรค์ของมนุษย์นั้นมีอยู่โดยเฉพาะ เรียกว่า ทุ่งอีซิเลียน






ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&module=display&section=blog&blogid=48&showentry=324

ภรรยาของซุส 3

~ลีดา~

            นางลีดาเป็นธิดาของเจ้าเมืองเธสพิอัส และเป็นมเหสีของท้าวทินดาริอุส เจ้าผู้ครองนครสปาร์ต้า

             วันหนึ่งหลังจากตั้งครรภ์กับท้าวทินดาริอุสได้ไม่กี่วัน นางลีดาก็ลงไปอาบน้ำในแม่น้ำยุโรทาส และบังเอิญที่มหาเทพซูสมองลงมาเห็นเธอเข้า และเกิดอาการเจ้าชู้กำเริบ

            ซูสวางแผนแปลงร่างเป็นหงส์บินหนีนกอินทรีโผไปซบอกนางลีดา นางลีดาก็โอบกอดหงส์แปลงนั้นและขับไล่นกอินทรีไป ซึ่งก็เป็นไปตามแผนของซูส ซูสจึงได้นางลีดาเป็นชายา


Posted Image

           เมื่อครบกำหนดคลอด ลีดาก็ให้กำเนิดไข่สองฟอง ฟองหนึ่งแตกออกมาเป็นหญิงชายแฝด หญิงชื่อ ไคลเทมเนสตรา และชายชื่อ คาสเตอร์ ทารกคู่นี้เป็นโอรสธิดาของท้าวทินดาริอุส

          ไข่อีกฟองหนึ่งแตกออกมาก็เป็นหญิงชายแฝดเช่นกัน หญิงชื่อ เฮเลน ส่วนชายชื่อ พอลลักซ์ ทารกคู่นี้เป็นโอรสและธิดาของมหาเทพซูส

          เฮเลนนี้เป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในโลก ซึ่งต่อมาเป็นต้นเหตุให้เกิดมหาสงครามแห่งกรุงทรอย


~เลเมีย~

          เลเมีย (Lamia) เป็นธิดาของโปไซดอนกับนางไลบี เป็นชายาที่ซูสหลงรักมากคนหนึ่ง

           เมื่อพระนางฮีรารู้ว่าซูสมาได้นางเป็นชายา พระนางก็ได้ตามมาฆ่าลูกของเลเมียจนตาย และสาบให้เลเมียกลายเป็นปีศาจ มีหน้าและนมเป็นผู้หญิง ส่วนร่างกายเป็นงู และต้องทนทุกข์ทรมานเนื่องจากถูกสาบให้ไม่สามารถหลับตาได้

Posted Image


       ด้วยความสงสาร ซูสจึงให้พรให้เลเมียสามารถถอดและใส่ดวงตาได้ตามที่ต้องการ

       เลเมียที่น่าสงสารกลายเป็นปิศาจร้ายที่คอยลักพาเด็กไปกิน เนื่องจากความพยาบาทที่ลูกของนางถูกฆ่าตายนั่นเอง


~ดาเน่~

          ดาเน่ เป็นราชธิดาของกษัตริย์อกริเซียส แห่งนครอาร์กอส กษัตริย์อกริเซียสนั้นไม่มีโอรส จึงได้ไปขอคำพยากรณ์จากวิหารเทพอพอลลอน คำพยากรณ์ที่ได้บอกว่าพระองค์จะถูกโอรสของนางดาเน่ราชธิดาฆ่าตาย พระองค์จึงขังนางดาเน่ไว้บนยอดหอคอยทองเหลืองเพื่อป้องกันไม่ให้ราชธิดาสาวสวยได้พบกับชายหนุ่มคนใด

        แต่การอยู่บนหอคอยสูงกลับทำให้ความสวยงามของเจ้าหญิงดาเน่ไปเตะตามหาเทพซูสเข้า พระองค์จึงเสด็จลงมาหาและได้นางเป็นชายา

         วันหนึ่งเจ้าหญิงดาเน่ก็ประสูติโอรสนามว่า เพอร์ซูส เสียงร้องของทารกดังจากยอดหอคอยไปถึงท้าวอกริเซียส ท้าวอกริเซียสไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะคนหนึ่งก็ลูกคนหนึ่งก็หลาน ก็เลยจับสองแม่ลูกลอยทะเลไป

       แพน้อยลอยทะเลไปเกยหาดที่เกาะเซอริฟัส และท้าวโพลิเดคทิส เจ้าเกาะนั้นก็รับสองแม่ลูกให้อยู่อาศัยด้วย

Posted Image
            ท้าวโพลิเดคทิสนั้นอยากได้นางดาเน่เป็นชายา แต่นางดาเน่ก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมาจนเพอร์ซูสเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ ท้าวโพลิเดคทิสเห็นว่าเพอร์ซูสจะเป็นคนขัดขวางไม่ให้พระองค์สมหวังในตัวนาง ดาเน่ จึงออกอุบายให้เพอร์ซูสไปตัดหัวเมดูซ่ามาถวาย

         เพอร์ซูสไปฆ่าและตัดหัวเมดูซ่ากลับมาได้ และได้ภรรยาชื่อ อันโดรเมดา กลับมาด้วย เขาเอาหัวเมดูซ่าให้ท้าวโพลิเดคทิสดู ท้าวโพลิเดคทิสจึงกลายเป็นหินไป

        จากนั้นเพอร์ซูสก็พานางดาเน่กลับบ้านเมือง ซึ่งพอท้าวอกริเซียสรู้ว่าลูกสาวกับหลานชายเดินทางกลับเมืองก็กลัวว่าคำ ทำนายจะเป็นจริง จึงแอบเดินทางไปหลบที่กรุงลาริสสา

        และที่กรุงลาลิสสานั้นเองได้มีงานจัดงานแข่งขันกีฬากันอยู่ เพอร์ซูสผ่านมาก็แวะเข้าร่วมแข่งขันกีฬากับเขาด้วย กีฬาที่เพอร์ซูสเข้าร่วมแข่งขันคือขว้างจักร

          ด้วยพละกำลังมหาศาลของเพอร์ซูส จักรที่เขาขว้างลอยละลิ่วไปตกบนอัฒจันทร์คนดู และถูกศีรษะของชายชราผู้หนึ่งถึงแก่ความตาย ชายชราผู้นั้นคือท้าวอกริเซียส

~เอคโค~
Posted Image


          เอคโค (Echo) เป็นนางไม้ที่ไม่ได้เป็นชายาของซูส แต่โดนลูกหลงความขี้หึงจากพระนางฮีรา เนื่องจากมื่อพระนางฮีราตามหาสวามีจอมเจ้าชู้บนโลกมนุษย์ นางเอคโคได้เข้ามาพูดนอกเรื่องนอกราวเสียยืดยาวจนพระนางฮีราตามพระสวามีไม่ ทัน พระนางจึงสาบให้เอคโคพูดเองไม่ได้ ได้แค่พูดทวนคำพูดของคนอื่นเท่านั้น





ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&module=display&section=blog&blogid=48&showentry=266




ภรรยาของซุส 2


~ซีมิลี~

           เรื่องราวของนางซีมิลีนั้นต่อเนื่องจากเรื่องราวของยูโรปา คือ เมื่อยูโรปาหายตัวไป ท้าวอจีนอร์ก็ให้โอรสทั้งสาม คือ แคดมัส ฟินิกซ์ และซิลิกซ์ ออกติดตามหายูโรปาโดยสั่งว่าถ้าไม่พบก็ไม่ต้องกลับมา โดยงานนี้พระมารดาของทั้งสามก็ขอติดตามไปด้วย ทั้งสี่คนออกติดตามหายูโรปา แต่ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่มีแม้แต่ข่าวคราว

         ฟินิกส์เป็นคนแรกที่หมดความพยายาม พอพบถิ่นฐานที่อุดมสมบูรณ์ก็หยุดตั้งหลักปักฐาน

        ซิลิกซ์เป็นคนที่สองที่เลิกตามหายูโรปา และหยุดตั้งหลักในที่สมบูรณ์อีกแห่งหนึ่ง

          ต่อมาพระมารดาก็หมดแรงตามต่อไปไม่ไหว และได้สั่งให้แคดมัสออกติดตามต่อไปก่อนที่พระนางจะสิ้นใจ

          แคดมัสติดตามหายูโรปาต่อไป จนวันหนึ่งเขาก็มาถึงวิหารเดลฟี ซึ่งเป็นที่บูชาเทพอพอลลอน แคดมัสได้เสี่ยงทายกับเทพอพอลลอน แต่คำทำนายที่ได้ไม่ทำให้แคดมัสได้รับความกระจ่างแต่อย่างใด เพราะคำทำนายนั้นบอกว่าให้แคดมัสเดินตามโคตัวหนึ่งไป เมื่อโคหยุดก็ให้แคดมัสตั้งบ้านเมืองที่นั่น

          แคดมัสทำตามคำพยากรณ์นั้น เขาได้สร้างเมืองขึ้นชื่อว่า ธีบส์ และซูสมหาเทพได้ประทานนางเฮอร์ไมโอนี ธิดาของเทพแอรีสกับอโฟรไดทีมาให้เป็นชายา

         แคดมัสกับเฮอร์ไมโอนี มีธิดา 4 คน คือ ซีมิลี ไอโน ออโทโนอี และอเกวี

       ซีมิลีนั้นมีความสวยงามต้องตามหาเทพซูส จนซูสลักลอบหนีพระนางฮีราแปลงร่างเป็นมนุษย์มาได้นางเป็นชายาอยู่บ่อยๆ แต่ความลับไม่มีในโลก ในที่สุดพระนางฮีราก็รู้เรื่องจนได้

         พระนางฮีราได้แปลงองค์เป็นพี่เลี้ยงชราของซีมิลี และแกล้งซักถามซีมิลีว่าคนรักของนางเป็นใคร ซึ่งซีมิลีก็ตอบด้วยความซื่อว่าเป็นมหาเทพซูส

          พระนางฮีราจึงยุให้นางซีมิลีขอดูองค์มหาเทพในร่างจริง และบอกว่าก่อนขอต้องให้มหาเทพสาบานกับแม่น้ำสติกซ์เสียก่อน


Posted Image


            นางซีมิลีหลงเชื่อคำยุ เมื่อเจอหน้ามหาเทพจึงเอ่ยปากขอให้ซูสสาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่าพระองค์จะ ประทานสิ่งที่นางขออย่างหนึ่ง ซึ่งมหาเทพก็สาบาน จากนั้นนางซีมินีก็ขอดูร่างพระสวามีในร่างเทพ

         มหาเทพซูสตกใจด้วยรู้ว่าหากพระองค์ปรากฎในร่างมหาเทพ นางซีมิลีจะทนรัศมีของพระองค์ไม่ได้และจะมอดไหม้เป็นจุนไป แต่เมื่อสาบานกับแม่น้ำสติกซ์แล้วมหาเทพก็ไม่อาจทวนคำสาบานได้

         มหาเทพจำเป็นต้องปรากฎองค์ในร่างเทพ ซึ่งนางซีมิลีทนรัศมีของมหาเทพไม่ได้ก็มอดไหม้ตายไป และวิญญานก็ลงไปอยู่ยมโลก

         ในขณะนั้น นางซีมิลีกำลังตั้งครรภ์อยู่ แม้จะช่วยนางซิมิลีไม่ได้ แต่มหาเทพซูสก็ช่วยทารกในครรภ์ได้โดยคว้าเอาทารกนั้นมาเก็บไว้ในเข่าของตน เอง ภายหลังทารกนี้ได้คลอดออกมาชื่อว่าไดโอนิซัส และเทพเฮอร์เมสได้รับเอาไดโอนิซัสนี้ไปให้นางอัปสรที่ทุ่งนีสาเลี้ยงไว้

         ไดโอนิซัสเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ แต่หนักไปทางเทพมากกว่าจึงมีความเป็นอมตะดั่งเทพ แต่ก็ชอบเดินทางท่องเที่ยวบนผืนแผ่นดินดังเช่นมนุษย์

         ไดโอนิซัสเป็นเทพแห่งเหล้าองุ่น และเป็นที่ยอมรับของพระนางฮีรา เพราะเมื่อครั้งเฮฟิสทัสทำเก้าอี้กลจับพระนางมัดติดเก้าอี้ไว้ เทพเฮอร์เมสไปเกลี้ยกล่อมก็ไม่สำเร็จ พอไดโอนิซัสไปเกลี้ยกล่อมบ้าง เฮฟิสทัสก็ยินยอมปล่อยพระมารดา ตั้งแต่นั้นพระนางฮีราจึงยอมรับไดโอนิซัส

        เนื่องจากไดโอนิซัสมีเชื้อสายมนุษย์ด้วย เมื่อครั้งต้องต่อสู้กับไทแทน ไดโอนิซัสก็ถูกจับฉีกร่างจนเสียชีวิต วิญญานไดโอนิซัสล่องลอยลงไปในยมโลกและได้พบกับนางซิมิลีมารดา

        ไดโอนิซัสจะพาซิมิลีขึ้นสวรรค์ แต่เทพฮาเดสไม่ยอม ทั้งสองจึงเถียงกันว่าใครจะเหนือกว่าใคร ไดโอนิซัสบอกว่าตนเองเหนือกว่าเพราะตายได้ดั่งมนุษย์ แต่ฟื้นได้เพราะเป็นอมตะแบบเทพ เทพฮาเดสยอมแพ้ จึงยอมให้ไดโอนิซัสพามารดากลับไปได้ ไดโอนิซัสจึงพานางซิมิลีขึ้นไปอยู่บนโอลิมปัส จึงนับว่านางเป็นเพียงมนุษย์หนึ่งเดียวที่เป็นอมตะ และอยู่บนโอลิมปัสเช่นเดียวกับเหล่าเทพ

~ไอโอ~

           ไอโอ เป็นธิดาของท้าวอินนะคัสเจ้าเมืองอาร์กอสโอรสของเทพไทแทนโอเชียนัสกับเทวีธี ทิส เมื่อโตขึ้นไอโอได้ทำหน้าที่เป็นผู้ทำพิธีบวงสรวงเทพีฮีรา

           ซูสเห็นความงามของไอโอก็ลอบมาได้นางเป็นชายา และเพื่อปกปิดให้รอดพ้นสายตาของพระนางฮีรา เวลาที่ซูสมาหาไอโอพระองค์ก็จะเนรมิตเมฆหมอกปกคลุมเอาไว้

          แต่ความลับนี้ไม่สามารถเก็บไว้ได้ตลอด เพราะวันหนึ่งพระนางฮีราได้แอบติดตามซูสมาและเกิดสงสัยเมฆหมอกเนรมิตนั้น พระนางจึงใช้ฤทธิ์ขับไล่เมฆหมอกให้จางหายไป

           ซูสต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการแปลงร่างไอโอให้กลายเป็นโคและบอก พระนางฮีราว่าพระองค์เนรมิตโคนี้ขึ้นเองจากก้อนดิน ซึ่งพระนางฮีรารู้ทันจึงเอ่ยปากขอโคจากพระสวามี ซูสจึงต้องจำใจมอบโคให้พระนางฮีราเพราะเกรงว่าความลับจะแตก

          พระนางฮีราได้นำโคแปลงนั้นไปให้อาร์กัสผู้มีตาร้อยดวงเฝ้าไว้ป้อง กันซูสมาพานางกลับไป แต่ซูสก็คิดหาทางแก้ไขได้โดยการให้เฮอร์เมสไปกำจัดอาร์กัสเสีย

Posted Image
            
           เฮอร์เมสจำแลงกายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ไปเป่าปี่ต้นอ้อและเล่านิทานให้อาร์กัสฟัง ซึ่งอาร์กัสก็เกิดความเคลิบเคลิ้มเผลอหลับไป เฮอร์เมสจึงฆ่าอาร์กัสตายและปลดปล่อยไอโอได้สำเร็จ พระนางฮีราจึงได้นำดวงตาของอาร์กัสไปติดไว้ที่หางนกยูงจนทำให้หางนกยูงมีลวดลายรูปดวงตาจนถึงทุกวันนี้

         เคราะห์กรรมของไอโอยังไม่สิ้น เพราะพระนางฮีราได้ร่ายมนต์ป้องกันไม่ให้นางคืนร่างเป็นมนุษย์ แถมยังส่งเหลือบมากัดไอโอในร่างโคให้ทรมานอีกด้วย

          ไอโอกระเซอะกระเซิงไปทั่ว ทั้งแถบทะเลไอโอเนีย ที่ราบอิลลิเรีย เขาฮีนัส ข้ามช่องแคบบอสฟอรัส

        วันหนึ่งไอโอขึ้นไปถึงยอดเขาคอเคซัส ได้พบกับเทพโปรมิธิอุส*ที่ถูกซูสลงโทษจองจำอยู่บนหน้าผาเพราะเหตุขโมยไฟจาก สวรรค์มาให้มนุษย์ใช้ โปรมิธิอุสได้ช่วยทำนายว่าไอโอจะคืนร่างเป็นมนุษย์ได้เมื่อเดินทางถึงแม่น้ำ ไนล์ ไอโอจึงดั้นด้นเดินทางต่อไปจนถึงแม่น้ำไนล์

        ขณะเดียวกัน ซูสก็อ้อนวอนง้องอนเทพีฮีราจนพระนางใจอ่อนยอมคลายมนต์ให้ ไอโอจึงได้คืนร่างกลับเป็นคนที่แม่น้ำไนล์นั่นเอง

          ณ ที่นั้น ไอโอได้ให้กำเนิดโอรสชื่อ เอพาฟัส ซึ่งต่อมาได้ตั้งนครที่มีชื่อเสียงในอียิปต์ ชื่อว่า นครเมมฟิส และเชื้อสายรุ่นที่ 11 ของเอพาฟัสคนหนึ่งเป็นวีรบุรุษคนสำคัญ ชื่อว่า เฮรากลิส ได้กลับมาช่วยปลดปล่อยโปรมิธิอุสให้เป็นอิสระได้

~ไดโอนี~

         ไดโอนี เป็นธิดาของเอปิธิอุส เป็นชายาอีกองค์หนึ่งของซูส

        ตำนานของไดโอนีค่อนข้างสับสน ชาวกรีกโบราณนับถือว่าไดโอนีเป็นมเหสีของซูสก่อนที่พระนางฮีราจะได้ตำแหน่งนี้ไปครองแทนในภายหลัง

       และบางตำนานก็ว่าเทพีอโฟรไดทีนั้นเป็นธิดาของซูสกับไดโอนีด้วย

Posted Image
          
~ซิลีน~

           ซิลีนเป็นธิดาของเทพไทแทนไฮเพอร์เรียนกับเธีย เป็นเทพธิดาดูแลวิถีโคจรของดวงจันทร์ เป็นเทพธิดาที่ได้ชื่อเรื่องรักๆ ใคร่ๆ

         ซิลีนเป็นชู้รักองค์หนึ่งของซูส แต่ชู้รักที่ซิลีนรักมากที่สุดนั้นคือ เอนดีเมียน หนุ่มเลี้ยงแกะ ซิลีนถึงขนาดขอพรจากซูสเพื่อบันดาลให้เอนดิเมียนนอนหลับไปตลอดกาลเพื่อจะได้ ไม่แก่ไม่ตาย และนางก็ลงมาหาเขาได้ทุกค่ำคืน

Posted Image

              แต่บางตำนานกล่าวถึงความรักกับหนุ่มเลี้ยงแกะแอนดีเมียนนี้ว่าเป็น เทพีอาร์ทีมิส ไม่ใช่ซิลีน ตำนานนี้ค่อนข้างสับสนเนื่องจากทั้งซิลีนและอาร์ทีมิสต่างก็เป็นเทพีแห่งจัน ทราเหมือนกัน เพียงแต่คนละยุคกันเท่านั้น

~คัลลิสโต~

           คัลลิสโต เป็นนางอัปสรบริวารคนสนิทของเทพีอาร์ทีมิส เธอดำรงความเป็นสาวบริสุทธิ์เหมือนเทพีอาร์ทีมิส และชอบล่าสัตว์เหมือนเทพีอาร์ทีมิส เมื่อซูสเกิดต้องตาคัลลิสโตเข้า พระองค์จึงต้องใช้อุบายแปลงร่างเป็นอาร์ทีมิสเข้าไปหานาง และได้นางเป็นชายา

         เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ คัลลิสโตก็พยายามปกปิดไม่ให้เทพีอาร์ทีมิสรู้ แต่วันหนึ่งขณะที่อาบน้ำด้วยกันเทพีอาร์ทีมิสเห็นท้องของคัลลิสโตก็รู้ว่า นางสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว เทพีอาร์ทีมิสจึงเนรเทศนางออกไป

          คัลลิสโตให้กำเนิดโอรสตามลำพัง ขณะนั้นพระนางฮีราที่คอยทีอยู่เมื่อเห็นว่าคัลลิสโตอยู่ตามลำพังก็ลงมาสาบนางให้เป็นหมี

Posted Image

            ส่วนโอรสของคัลลิสโตนั้นเทพเฮอร์เมสได้พาไปให้นางไมอา มารดาของพระองค์ช่วยเลี้ยงดู โอรสองค์นั้นชื่อว่าอาร์คัส ซึ่งแปลว่าหมี และเมื่อโตขึ้นอาร์คัสก็ได้เป็นนายพรานตามรอยมารดาของตน

          ต่อมาวันหนึ่งอาร์คัสเข้าป่าล่าสัตว์ นางคัลลิสโตเห็นบุตรของตนเองก็จำได้จึงเข้ามาหา อาร์คัสตกใจจึงใช้หอกแทงคัลลิสโตในร่างของหมีตาย ซูสจึงบันดาลให้คัลลิสโตกลายเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่อยู่บนฟ้า และให้อาร์คัสบุตรชายกลายเป็นดาวหมีเล็กอยู่เคียงข้างกัน

         พระนางฮีรานั้นยังไม่หายโกรธชายาน้อยองค์นี้ของซูส พระนางจึงได้ให้ทีธิสช่วยลงโทษสองแม่ลูกที่ตอนนี้กลายเป็นดาวบนฟ้าไปแล้วให้ ด้วย ซึ่งทีธิสก็บันดาลให้ดาวหมีใหม่และหมีเล็กลอยอยู่บนฟ้าตลอดเวลา ไม่มีโอกาสลงมาพักบนโลกตลอดกาล และนี่เองที่เป็นสาเหตุให้กลุ่มดาวหมีใหญ่และดาวหมีเล็กต้องลอยล่องอยู่บน ฟ้าตลอดปี ไม่มีช่วงเวลาที่ลับขอบฟ้าเหมือนดาวดวงอื่นๆ


ติดตามตอนต่อไป 









ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&module=display&section=blog&blogid=48&showentry=266




ภรรยาของซุส

~ลีโต~


            ชายาองค์ที่หกของซูส คือ ลีโต ธิดาของไทแทนซีอัสกับฟีบี ความสัมพันธ์ของซูสกับนางลีโตนี้คงเป็นไปแบบลับๆ เพราะเมื่อนางลีโตเริ่มตั้งครรภ์ซูสก็เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระนางฮีรา

            พระนางฮีราเริ่มบทมเหสีขี้หึงกับลีโต โดยการขับไล่ลีโตลงจากสวรรค์ แถมยังส่งงูร้ายชื่อ ไพธอน ตามไล่ล่าอีก ซูสก็ได้แต่บอกให้เทพแห่งลมเหนือช่วยพัดหอบพาลีโตหนีงูร้ายจนสุดแผ่นดิน
Posted Image


             สุดท้ายลีโตก็ตัดสินใจหนีลงทะเลทั้งที่มีครรภ์ใกล้คลอดเพื่อให้พ้นจากงูร้าย เทพสมุทรโปไซดอนเห็นก็สงสาร จึงเนรมิตเกาะให้เป็นที่อยู่อาศัย ชื่อว่า เกาะดีลอส 

              ณ ที่นั้น ลีโตได้ให้กำเนิดโอรสและธิดาแฝด คือ อพอลลอน เทพสุริยัน กับอาร์ทีมิส* เทพธิดาจันทรา โดยอพอลลอนนั้นเกิดหลังอาร์ทีมิส 9 วัน และหลังจากเทพอพอลลอนประสูติได้ วัน เขาก็สามารถฆ่างูร้ายไพธอนลงได้ ทำให้ลีโตปลอดภัยจากความขี้หึงของพระนางฮีราตั้งแต่บัดนั้น

Note - *เหตุการณ์ใน God of War ภาคแรก เธอคือผู้เนรมิตดาบยักษ์พลังทำลายมหาศาลให้แก่เครโทสค่ะ!!

~ไมอา~
             ชายาองค์ที่เจ็ดคือ ไมอา (Maia) ธิดาคนโตในจำนวนเจ็ดคนของแอตลาสกับนางพลีโอนี ไมอาเป็นคนสวย เรียบร้อย และขี้อาย อาศัยอยู่ในถ้ำไซลีนี แต่ซูสก็เห็นนางจนได้และลักลอบมาได้นางเป็นชายาจนให้กำเนิดโอรสชื่อ เฮอร์เมส 
Posted Image


            ไมอา กับ โอรสเฮอร์เมส ไม่ได้ถูกพระนางฮีราตามอิจฉาหรือกลั่นแกล้งเหมือนชายาองค์อื่น นอกจากนี้เมื่อชายาอีกคนหนึ่งของซูส คือ คัลลิสโต ถูกฆ่าตาย เฮอร์เมสก็ได้นำลูกชายของคัลลิสโตชื่อ อาร์คัส มาให้พระมารดาไมอาเลี้ยงดูด้วย

~ฮีรา~
             ชายาองค์ที่แปด คือ เทพีฮีรา พระพี่นางของซูสเอง เป็นมเหสีของมหาเทพอย่างเป็นทางการ เทพีฮีรานั้นเป็นเทพีที่สวยมาก ถึงขั้นสวยที่สุด 1 ใน ของบรรดาเทพีสวรรค์ สามเทพีสวรรค์ที่สวยที่สุดจนเทพทั้งหลายไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้ประกอบด้วย ฮีรา เอเธนา และอโฟรไดที 

            ซูสจึงตามจีบตามตื้อเทพีฮีราอยู่นานถึง 300 ปี ฝ่ายเทพีฮีราก็คอยหลีกหนีเพราะรู้ว่าซูสนั้นเจ้าชู้เป็นที่หนึ่ง แต่ด้วยอุบายของซูสที่แปลงร่างเป็นนกบินฝ่าสายฝนที่พระองค์เนรมิตขึ้นมาเอง บินมาตกตรงหน้าเทพีฮีราและทำท่าอ่อนแรงใกล้ตาย เทพีฮีราสงสารจึงจับนกขึ้นมากอดไว้แนบอก ซูสได้ทีแปลงร่างกลับเป็นมหาเทพและกอดรัดเทพีฮีราไว้จนดิ้นหนีไม่ออก เทพีฮีราจึงต้องยินยอมอภิเษกเป็นมเหสีของซูสในที่สุด 
Posted Image

           ในงานอภิเษกสมรสของซูสกับฮีรานั้นเอง จอมมารดาจีอาได้มอบของขวัญให้แก่พระนางฮีราเป็นแอปเปิ้ลทองคำ 3 ผล ซึ่งพระนางก็นำไปเก็บไว้ในสวนส่วนพระองค์บนเขาแอตลาส แต่ต่อมาภายหลังเฮรากลิสก็มาโขมยไปหมดเป็น ใน 12 ภาระกิจที่ยากยิ่งของเฮรากลิส ซึ่งที่มาของภาระกิจ 12 อย่างนั้นก็มีพระนางฮีรานี้เองที่เป็นต้นเหตุ 

            พระนางฮีรามีโอรสธิดากับมหาเทพซูส 3 องค์ คือ ฮีบี้ (Hebe) อิลลิธธียา (Ilithyia) และแอรีส* (Ares) 

           หลังอภิเษกสมรสแล้วซูสก็ยังไม่หายเจ้าชู้ ยังคงมีชายาน้อยเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นมนุษย์เนื่องจากต้องหลบให้พ้นสายตาของพระนางฮีราที่ตามขัด ขวางอยู่ตลอด พระนางฮีราที่เป็นเทพีแห่งการแต่งงานจึงมีภาพพจน์เป็นเทพีขี้อิจฉาหรือเทพี ขี้หึงจากบทบาทที่ต้องตามราวีชายาน้อยๆ จำนวนมากของมหาเทพนั่นเอง

Note - *เขาคือเทพสงครามผู้บ้าคลั่ง ต้นกำเนิดเรื่องราวทั้งหมดในเกม God of War นั่นเอง!!

~นางแอลก์มีนี~
          นางแอลก์มีนีเป็นธิดาของท้าวอีเล็กไทรอน ผู้ครองนครอาร์กอส ครั้งเมื่อชนชาติป่าเถื่อนบุกนครอาร์กอส บรรดาโอรสของท้าวอีเล็กไทรอนออกศึกก็พ่ายแพ้กันหมด ท้าวอีเล็กไทรอนจึงขอให้หลานชายคือแอมฟริไทออนมาช่วยโดยสัญญาว่าหากชนะศึก พระองค์จะยกราชธิดาให้ ซึ่งแอมฟริไทรอนก็ยินดี ในที่สุดแอมฟริไทรอนกับนางแอลก์มีนีก็ได้แต่งงานกันหลังจากชนะศึก

          แต่แอมฟริไทรอนหารู้ไม่ว่าระหว่างการออกศึกนั้น มหาเทพซูสได้แอบแปลงร่างเป็นตนเองตัดหน้ามาจู๋จี๋นางแอลก์มีนีไปเสียแล้ว ดังนั้นเมื่อนางแอลก์มีนีตั้งครรภ์แฝด ทารกในครรภ์นั้นจึงเป็นบุตรของแอมฟริไทรอนคนหนึ่ง กับเป็นบุตรของซูสอีกคนหนึ่ง
Posted Image


         แต่ก่อนที่นางแอลก์มีนีจะคลอด พระนางฮีราก็รู้ว่าพระสวามีแอบมามีชายาลับอยู่บนโลกมนุษย์ พระนางจึงส่งเทวีลูซินาให้แปลงกายเป็นหญิงชรามานั่งขวางประตูไว้ทำให้นาง แอลก์มีนีคลอดไม่ได้ ทุรนทุรายอยู่เป็นเวลานาน ดีที่บ่าวคนหนึ่งสังเกตเห็นจึงแกล้งบอกข่าวว่านางแอลก์มีนีคลอดแล้ว เทวีลูซินาเข้าใจผิดกลับไป นางแอลก์มีนีจึงสามารถประสูตรโอรสแฝดออกมาได้ 

          โอรสแฝดนั้นคนหนึ่งคือ อิฟฟิคลีส เป็นโอรสของ แอมฟริไทรอน ส่วนอีกคนหนึ่งคือ เฮรากลิส เป็นโอรสของมหาเทพซูส

~ยูโรปา~
            นางยูโรปาเป็นธิดาท้าวอจีนอร์ (Agenor) กรุงฟินีเซีย ซึ่งเป็นบุตรของเทพโปเซดอนกับนางลิเบีย นอกจากยูโรปาแล้ว ท้าวอจีนอร์ยังมีบุตรอีก คน มีนามตามลำดับว่า แคดมัส ฟินิกซ์ และซิลิกซ์

Posted Image


               วันหนึ่งยูโรปากับบริวารสาวๆ ไปเที่ยวเก็บดอกไม้อยู่ริมทะเล บังเอิญซูสมองเห็นเข้าก็อยากได้เป็นชายา ซูสจึงแปลงร่างเป็นโคเผือกลักษณะพ่วงพีตัวหนึ่งเดินเยื้องกรายมาหลอกล่อยูโรปา ยูโรปาเห็นโคเผือกนั้นดูเชื่องจึงเดินเข้าไปลูบหลังลูบไหล่ ฝ่ายโคเผือกก็ทำเป็นคู้เข่าเชิญชวนให้ยูโรปาขึ้นขี่หลัง พอยูโรปาขึ้นขี่หลังโคนั้นก็เผ่นโผนโจนทะยานออกสู่ทะเลในทันที

            โคเผือกแปลงวิ่งตะบึงบนผิวน้ำ พายูโรปาไปเกาะครีต ซูสอยู่กับยูโรปาชายาน้อยบนเกาะครีตจนมีโอรสด้วยกัน 3 องค์ ชื่อ แรดดะแมนทัส ไมนอส และซาร์พีดอน ซึ่งต่อมาไมนอสได้ปกครองเกาะกรีต ส่วนซาร์พีดอนเสียชีวิตในสงครามกรุงทรอย เมื่อสิ้นชีวิตแล้วท้าวไมนอสกับแรดดะแมนทัสได้ไปทำหน้าที่เป็นตุลาการอยู่ในยมโลก


ภรรยาของซุสยังไม่หมดแค่นี้ ติดตามกันต่อไป...







ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&blogid=48&showentry=246

มหาเทพเจ้าชู้และมหาเทพขี้หึง

Posted Image

             
              ซูสนั้นได้ชื่อว่าเป็นมหาเทพจอมเจ้าชู้ เป็นหนึ่งในเรื่องรัก แม้จะมีมเหสีที่มีความงามเป็นหนึ่งในสวรรค์อย่างเทพีฮีราอยู่แล้ว แต่ก็ไม่วายไปมีสัมพันธ์กับเทพธิดาและมนุษย์อื่นๆ อีกหลายคนจนเทพีฮีราต้องตามหึงหวงไม่ได้หยุด

               วีรกรรมความเจ้าชู้ของซูสกับบรรดาเทพธิดาบนสวรรค์ รวมทั้งสาวๆ เมืองมนุษย์นั้นมีมากมาย เช่น

~มีทิส~

            มีทิสเป็นชายาองค์แรกของซูส เป็นธิดาของเทพไทแทนโอเชียนัสกับธีทิส แต่มีทิสก็ถูกซูสกลืนกินเมื่อพระนางเริ่มตั้งครรภ์ เนื่องจากซูสกลัวคำพยากรณ์ของจอมมารดาจีอาว่านางจะให้กำเนิดโอรสที่มาโค่น บัลลังก์

Posted Image

            แต่หลังจากกลืนมีทิสลงท้องไปแล้ว ซูสก็ยังให้กำเนิดธิดากับมีทิสได้โดยต้องผ่าออกมาจากพระเศียรของซูส ธิดาองค์นั้นก็คือ เทพีเอเธนา เทพีครองปัญญานั่นเอง

~ธีมิส~

          ชายาองค์ที่สองของซูสเป็นเทพธิดาไทแทนอีกเช่นกัน คือ ธีมิส ธีมิสมีธิดากับซูสเป็นเทพธิดาแห่งฤดูกาล 3 องค์ คือ ยูโนเนีย ไดซ์ และอีริน รวมเรียกว่า ซีซัน (Season) และเทพธิดาแห่งโชคชะตาอีก 3 องค์ คือ โคลธโธ แลซซิซิส และแอตโทรพอส รวมเรียกว่าเฟท (Fates) เทพธิดา 3 องค์นี้รูปร่างเป็นหญิงชรา 

Posted Image

         ต่อมาทั้งสามพี่น้องก็ได้ลงไปอยู่ยมโลกกับเทพฮาเดส ทำหน้าที่กำหนดโชคชะตาของมนุษย์ โดยคนเล็กปั่นฝ้ายให้ชีวิต คนกลางฟั่นเป็นเชือกทำให้ชีวิตมั่นคง และคนโตตัดเชือกทำลายชีวิตให้สิ้นลง

~ยูรินโนม~

          ชายาองค์ที่สามของซูสเป็นธิดาของโอเชียนัสกับธีทิส ชื่อ ยูรินโนม (Eurynome) ให้กำเนิดเทพอัปสรที่เรียกว่าเกรซ 3 องค์ คือ อกลาเอีย (Aglaia) ยูโฟรซีน (Euphrosyne) และเธลเลีย (Thalia) 

Posted Image

          เกรซนี้เป็นเทพอัปสรคุ้มครองพันธุ์ไม้ ซึ่งต่อมาเทพธิดาทั้งสามก็ไปเป็นเทพอัปสรรับใช้เทพีอโฟรไดทีและมีหน้าที่ สร้างความบันเทิงบนสวรรค์โอลิมปัสร่วมกลุ่มกับมิวส์

~ดิมิเตอร์~

            ชายาองค์ที่สี่ของซูสคือเทพีแห่งพืชพันธุ์ ดิมิเตอร์ พี่สาวของซูสเอง และดิมิเตอร์ก็ให้กำเนิดเทพธิดาชื่อเพอร์ซิโฟนี* เทพธิดาฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งต่อมาฮาเดสได้มาลักพานางลงไปเป็นชายาในยมโลก
Posted Image


Note - *เพอร์ซิโฟนีนั้นปรากฎตัวในซีรีส์ God of War เช่นกัน ซึ่งก็คือภาค Chains of Olympus ฉบับ PSP นั่นเองค่ะ ในฐานะบอสใหญ่ของภาคนี้ที่เครโทสต้องต่อกรด้วย ก่อนจะสั่งสอนบทเรียนให้เธออย่างเจ็บแสบชนิดไม่มีวันลืมเลือนเลยทีเดียว!!

~นีโมซินี~

            ชายาองค์ที่ห้าของซูสคือเทพธิดาไทแทน นีโมซินี ชายาองค์นี้มีที่มาคือเมื่อครั้งที่ซูสเอาชนะศึกไทแทนได้แล้ว ทวยเทพก็หารือกันว่าควรจะมีวิธีการเฉลิมฉลองชัยชนะให้ยิ่งใหญ่ ซูสกับนีโมซินีจึงได้อยู่ร่วมกันเป็นเวลา 9 คืน เพื่อให้กำเนิดคณะศิลปเทวีเรียกว่ามิวส์ 9 องค์

Posted Image


            เทพอัปสรทั้ง 9 องค์นี้มีความเชี่ยวชาญทางด้านศิลปการละครและการแสดงต่างๆ มีหน้าที่สร้างความอภิรมย์ให้บรรดาเทพในโอลิมปัส และผลงานชิ้นแรกของมิวเซสก็คือการแต่งเพลงฉลองที่เหล่าเทพมีชัยในศึกไทแทน

รายชื่อของมิวส์ทั้งเก้า คือ


ไคลโอ (Clio) เทวีประวัติศาสตร์ 
ยูเรเนีย (Urania) เทวีดาราศาสตร์ 
เมลโพมีนี (Melpomene) เทวีเรื่องโศกนาฏกรรม 
ธาเลีย (Thalia) เทวีเรื่องสรวล 
เทิร์ปซิโครี (Terpsichore) เทวีการฟ้อนรำ 
คัลลิโอพี* (Colliope) เทวีบทกวีเรื่อง 
เออราโต (Erato) เทวีบทกวีรัก 
ยูเทอร์พี (Euterpe) เทวีบทกวีร้อง 
โพลิฮิมเนีย (Polyhymnis) เทวีบทกวีร่ายอาศิรพจน์ (คำอวยพร)

Note - *ธิดาสุดรักของเครโทสนั้นก็ชื่อ "คัลลิโอพี" เช่นเดียวกันค่ะ (เหตุการณ์ในภาค Chains of Olympus)



ภรรยาของซุสยังไม่หมดแค่นี้ ติดตามกันต่อไป...







ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&blogid=48&showentry=246

มหาเทพซุส


           

             เมื่อสงครามสงบ ซูสซึ่งมีความพึงพอใจในตัวมีทิสเทพธิดาไทแทนที่มาช่วยทำยาสำรอกให้โครนัส ดื่มก็คอยเฝ้าตามตื้อมีทิสไปทุกแห่ง หวังจะได้นางเป็นชายา ฝ่ายมีทิสนั้นก็พยายามหลีกหนีโดยแปลงร่างไปต่างๆ นานา แต่ซูสก็ยังติดตามไปไม่ห่าง


                       ในที่สุดมีทิสก็ยอมแพ้ความพยายามของซูสและยอมรับซูสเป็นสวามีจน ตั้งครรภ์ขึ้น แต่จอมมารดาจีอากลับพยากรณ์ว่าหากมีทิสมีโอรส โอรสนั้นจะโค่นอำนาจของซูส ด้วยความเกรงกลัวคำพยากรณ์ซูสจึงจับมีทิสกลืนลงท้องไป

                          ต่อมาไม่นานซูสก็มีอาการปวดหัวจนทนไม่ไหวต้องผ่าหัวออก จึงปรากฎร่างของเทพีเอเธนาในชุดนักรบเดินออกมาจากหัวของซูส เทพีเอเธนานี้เป็นธิดาของซูสกับเมทิส เป็นเทพีแห่งสติปัญญา และมักจะอยู่ใกล้ๆ ซูสเพื่อให้คำแนะนำซูสตลอดมา




Posted Image

            
            เมื่อสิ้นมีทิสไปแล้ว ซูสก็เจ้าชู้มีชายาไปทั่ว แต่ที่หมายมั่นปั้นมือมากที่สุดก็คือเทพธิดาฮีราพี่สาวสุดสวย ฝ่ายฮีราก็เอาแต่หนีด้วยกลัวความเจ้าชู้ของน้องชายจนซูสไม่อาจเข้าใกล้ตัวฮีราได้ ซูสจึงใช้แผนแปลงร่างเป็นนกน้อยบินฝ่าสายฝนไปตกตรงหน้าฮีรา

          ฮีราเห็นนกน้อยที่น่าสงสารบินหมดแรงมาตกตรงหน้า เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหนาว นางจึงโอบอุ้มนกน้อยนั้นไว้แนบออกเพื่อให้ไออุ่น ซูสได้ทีก็แปลงร่างกลับเป็นจอมเทพและกอดฮีราไว้จนนางไม่อาจหนีได้อีกต่อไป ด้วยอุบายของซูสทำให้ฮีรารู้สึกอับอายจึงยินยอมอภิเษกกับซูสหลัง จากที่หลีกหนีซูสมาได้ถึง 
300 ปี และฮีราก็อยู่ช่วยซูสปกครองสวรรค์ที่เขาโอลิมปัสตลอดมา

        พระนางฮีราให้กำเนิดโอรสธิดากับซูส คือ ฮีบี้ (Hebe) อิลลิธธียา (Ilithyia) และแอรีส (Ares) และด้วยอารมณ์โกรธที่เห็นซูสให้กำเนิดเทพีเอเธนาจากศีรษะ พระนางฮีราก็ให้กำเนิดโอรสโดยไม่พึ่งพาซูสบ้าง โอรสองค์นั้นคือ เฮฟิสทัส



                  ด้านการปกครองสวรรค์ในยุคแรกนั้น ซูสถูกท้าทายอำนาจอีกหลายครั้ง เริ่มจากจอมมารดาจีอาที่มีความไม่พอใจซูส เนื่องจากซูสจับไทแทนซึ่งเป็นโอรสและธิดาของจอมมารดาจีอาหลายองค์ไปขังไว้ในตรุทาร์ทะรัส จอมมารดาจีอาจึงเนรมิตอสูรขึ้นตนหนึ่ง เรียกว่า ไทฟอน  (Typhon) เป็นอสูรที่ดุร้ายและมีร่างกายประหลาดน่ากลัวมาก คือ มีหัวเป็นมังกรนับร้อยหัวที่ยาวเกือบจะถึงดวงดาว มีเปลวไฟพิษพวยพุ่งออกจากดวงตา มีลาวาไหลออกจากปาก แผดเสียงก้องกัมปนาทตลอดเวลาดังกว่าราชสีห์คำรามพร้อมกันเป็นร้อยตัว มันหักยอดเขาขว้างใส่เหล่าทวยเทพจนเทพทั้งหลายต่างตกใจพากันหนีเตลิดจากเขา โอลิมปัสไปหลบซ่อนตัวกันจ้าละหวั่น และด้วยความที่กลัวว่าอสูรจะตามทัน เทพเหล่านั้นยังจำแลงองค์เป็นสัตว์นานาชนิดด้วยเพื่อมิให้อสูรจำได้ เช่น ซูสจำแลงร่างเป็นแกะ ฮีราจำแลงร่างเป็นโค เป็นต้น

                             แต่เทพีแห่งสติปัญญาเอเธนาได้กล่าววาจาเตือนสติซูสจนซูสเกิดความ ละอายจึงกลับคืนสู่เขาโอลิมปัสอีกครั้งเพื่อหาทางปราบอสูรไทฟอน ส่วนเทพอื่นๆ เมื่อได้สติก็กลับมาช่วยซูสต่อสู้กับไทฟอน

                         ซูสใช้สายฟ้าอาวุธประจำตัวต่อสู้กับอสูรไทฟอนอย่างดุเดือด จนยากที่จะมีผู้ใดรอดชีวิตอยู่ได้หากเข้าไปใกล้บริเวณสู้รบ การสู้รบดำเนินไปเป็นเวลานาน ไทฟอนหันไปหักยอดเขาเอตนามาขว้างใส่ซูส แต่ซูสก็ใช้สายฟ้าฟาดยอดเขาเอตนาลอยละลิ่วกลับมาทับอสูรไทฟอนไว้ใต้เขาจนไม่ สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีก ซูสจึงได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ครั้งนี้ ส่วนไทฟอนก็ยังคงถูกทับอยู่ใต้เขา และมันยังคงพยายามพ่นไฟ พ่นลาวา ออกมาอยู่บ่อยๆ



                       ต่อมาไม่นานนัก จอมมารดาจีอาก็เนรมิตยักษ์ร้ายชื่อเอนเซลาดัส (Enceladus) มาต่อสู้กับซูสอีก แต่ซูสก็สามารถจับยักษ์ร้ายเอนเซลาดัสไว้ได้ ซูสจับเอนซาลาดัสล่ามโซ่และขึงพืดไว้ใต้ภูเขาเอตนา เอนเซลาดัสคำรนคำรามแผดเสียงกึกก้องอยู่ใต้เขาเอตนาบางทีก็พ่นไฟขึ้นหวังจะ ทำอันตรายซูส ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดอย่างรุนแรง แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปเอนเซลาดัสก็เริ่มอ่อนแรงจึงหยุดสำแดงฤทธิ์อาละวาด เพียงแต่ขยับตัวทำให้เกิดแผ่นดินไหวเป็นครั้งคราวเท่านั้น


                        เมื่อทั้งอสูรไทฟอนและยักษ์ร้ายเอนเซลาดัสพ่ายแพ้อย่างราบคาบ จอมมารดาจีอาก็เลิกคิดจะเนรมิตสัตว์ร้ายใดๆ มาทำร้ายซูสอีก สรวงสวรรค์จึงสงบขึ้น


                  แต่สงครามสั่นบัลลังก์อำนาจของซูสยังมีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เกิดจากพี่น้องของตนเอง โดยมีมเหสีฮีราเป็นผู้นำกบฏ




Posted Image


           เเนื่องจากซูสขึ้นครองตำแหน่งจอมเทพตั้งแต่วัยหนุ่ม ด้วยนิสัยใจร้อน หุนหันพลันแล่น และเอาแต่ใจ เทพองค์อื่นๆ รู้สึกไม่พอใจจึงวางแผนโค่นอำนาจซูส แผนก่อการครั้งนี้นำโดยเทวีฮีราผู้เป็นมเหสี โปไซดอน เฮอร์เมส และเทพีเอเธนา โดยเทพีฮีรานั้นคิดก่อการโค่นอำนาจซูสส่วนหนึ่งมาจากเพราะเบื่อกับความเจ้า ชู้ของซูสด้วย


        เทวีฮีราลงมือมอมยาให้ซูสหลับ จากนั้นเทพกบฏก็เข้ามาจับซูสมัดไว้กับรถม้าด้วยเชือกหนัง และยึดสายฟ้าอาวุธของซูสไว้ด้วย เมื่อซูสได้สติก็ไม่สามารถแก้มัดเชือกหนังนั้นได้เพราะเทพกบฏผูกปมไว้ถึง 100 ปม

                     ระหว่างที่เหล่าเทพหารือกันว่าจะให้ใครขึ้นเป็นจอมเทพแทนซูส ธีทิสเทพีไทแทนผู้เป็นชายาองค์หนึ่งของซูสก็ได้เรียกเบรียรูสยักษ์ 50 หัว ให้มาช่วย เบรียรูสใช้มือ 100 มือแก้ปมเชือกทั้ง 100 ปมออกได้อย่างรวดเร็ว พอซูสเป็นอิสระก็สามารถแย่งสายฟ้ากลับคืนมาได้
                       เมื่ออาวุธสายฟ้าอันทรงอานุภาพกลับมาอยู่ในมือซูส เหล่าเทพกบฏต่างก็คุกเข่าขออภัยโทษต่อมหาเทพ

            ซูสให้โปไซดอนและเฮอร์เมสสาบานว่าจะไม่คิดคดทรยศอีก จากนั้นก็ลงโทษสถานเบาให้ลงไปช่วยงานมนุษย์เป็นเวลา 1 ปี

                     สำหรับเทพีเอเธนานั้น ซูสไม่ได้ลงโทษ ด้วยเทพีเอเธนานั้นไม่ได้เต็มใจจะเข้ากับกลุ่มกบฏ

           ส่วนมเหสีฮีราในฐานะผู้นำกบฏถูกลงโทษหนักโดยจอมเทพจับมัดด้วยสาย เงินที่ข้อเท้า แขวนนางไว้กับขื่อสวรรค์ และเอาทั่งเหล็กมาถ่วงไว้ด้วย เฮฟีสทัสพระโอรสพยายามเข้าช่วยเหลือพระมารดา จึงถูกซูสจับโยนตกลงมาจากสวรรค์ทำให้ขาหักกลายเป็นเทพพิการไป


               การลงโทษโดยการแขวนนี้เจ็บปวดทรมานมากจนพระนางฮีราทนไม่ไหวร้องไห้ คร่ำครวญตลอดทิวาและราตรีแต่ไม่มีเทพองค์ใดกล้าช่วยเหลือ แต่ผ่านพ้นไปเพียงแค่ 4 วัน มหาเทพไม่ได้หลับได้นอนเพราะเสียงร้องคร่ำครวญของมเหสี พระองค์จึงบอกให้นางสาบานว่าต่อไปจะไม่คิดโค่นบัลลังก์ของพระองค์อีก พระนางฮีราไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่นจึงยอมสาบาน มหาเทพจึงยุติการลงโทษนางและรับกลับเป็นมเหสีเช่นเดิม 
       
             วันเวลาผ่านไป เมื่อซูสเติบใหญ่ขึ้นนิสัยมุทะลุวู่วาม เอาแต่ใจก็ลดน้อยลง กลายเป็นมหาเทพที่ฉลาดและสามารถปกครองสามโลกได้อย่างเที่ยงธรรม และปล่อยบรรดาไทแทนออกมาจากตรุทาร์ทะรัสด้วย...










ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&blogid=48&showentry=227

โครนัส



           เมื่อโครนัสยึดอำนาจจากอูรานอสจอมบิดาได้แล้ว ก็ได้ขึ้นเถลิงอำนาจเป็นจอมเทพแห่งเขาโอลิมปัสสืบแทนจอมบิดา และได้แบ่งปันอำนาจหน้าที่ให้พี่ๆ ที่เป็นไทแทน คือ 

โอเชียนัส-เป็นเทพคุ้มครองมหาสมุทรและแม่น้ำ
ซีอัส-เป็นเทพแห่งภูมิปัญญา
ครีอัส-เป็นเทพคุ้มครองฝูงแกะ
ไฮเพอร์เรียน-เป็นเทพคุ้มครองดวงอาทิตย์และไฟ
ไอแอพิทัส-เป็นเทพสงคราม
เธีย-เป็นเทพีแห่งการมองเห็น
รีอา-เป็นเทพีคุ้มครองการแต่งงาน
ธีมิส-เป็นเทพีความยุติธรรม
ธีทิส-เป็นเทพีคุ้มครองเด็กและสายน้ำใต้ดิน
เนโมซินี-เป็นเทพีแห่งความทรงจำ
ฟีบี-เป็นเทพีแห่งความฉลาด 

       จากนั้นบรรดาเทพไทแทนต่างก็มีคู่ครอง แต่อาจเป็นเพราะสวรรค์ยังมีเทพจำนวนน้อย เทพไทแทนส่วนใหญ่จึงจับคู่แต่งงานกันเองในระหว่างพี่น้อง

            โครนัสครองอำนาจเหนือเหล่าเทพทั้งปวงอยู่ ณ สวรรค์โอลิมปัสเป็นสุขสงบมาแสนนาน เป็นยุคสมัยแห่งความยิ่งใหญ่ของเทพไทแทน

         จนกระทั่งวันหนึ่งพระนางรีอาก็ให้กำเนิดเทพบุตรองค์แรก คำสาปของอูรานอสจอมบิดาก็ผุดขึ้นในความทรงจำของโครนัสทันที โครนัสจึงรีบไปหาพระนางรีอาและจับเทพบุตรนั้นกลืนกินเสีย หลังจากนั้นโครนัสก็ยังกลืนกินเทพบุตรและเทพธิดาองค์ต่อๆ มาอีกรวม 5 องค์

           พระนางรีอาพยายามขอร้องให้โครนัสไว้ชีวิตบุตรที่เกิดใหม่ แต่โครนัสกลัวคำสาบแช่งของจอมบิดาจึงไม่ยอมฟัง พระนางรีอาจึงปรึกษากับจอมมารดาจีอาและวางแผนช่วยชีวิตบุตรองค์ต่อไปให้รอดพ้นจากการถูกโครนัสกลืนกินให้จงได้

          ครั้งถึงเวลาประสูติบุตรองค์ต่อไป เป็นเทพบุตรชื่อว่า ซูส (Zeus) พระนางรีอาก็เอาซูสไปซ่อนเสียก่อนที่โครนัสจะมาถึง ส่วนจอมมารดาจีอาก็เอาหินก้อนหนึ่งมาห่อผ้าไว้ทำทีว่าเป็นเด็กเกิดใหม่ให้พระนางรีอาอุ้มไว้ 

Posted Image


              โครนัสได้ข่าวการประสูติของเทพบุตรองค์ใหม่ ก็รีบมาหมายจะจับกินเสีย พระนางรีอาแสร้งทำเป็นอ้อนวอนขอชีวิตไว้แต่โครนัสไม่ยินยอมเช่นเดิม โครนัสแย่งผ้าห่อก้อนหินไปจากพระนางรีอาและกลืนกินลงท้องไปโดยเข้าใจว่าเป็นบุตรที่เกิดใหม่แล้วก็กลับไป

              โครนัสกลับไปแล้วพระนางรีอาก็จัดแจงฝากฝังซูสให้นางอัปสรนีเรียด ธิดาของผู้เฒ่าทะเลนีรูส นำไปเลี้ยงดู นางอัปสรจึงพาซูสไปเกาะครีตโดยนำซูสไปไว้ในถ้ำบนยอดเขาไอคา และเลี้ยงดูด้วยน้ำนมจากนางแพะชื่อว่า แอมัลเธีย (Amalthea) โดยมีกลุ่มสาวกของพระนางรีอา เรียกว่า คิวรีทิส ทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนสรรพวิชาให้ซูส

            ระหว่างที่ซูสยังเป็นทารก น้อย นางอัปสรนีเรียดต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้โครนัสรู้ว่าซูสยังมีชีวิตอยู่ โดยการผูกเปลกับต้นไม้ให้ซูสนอน โครนัสที่คอยสอดส่องทั้งบนสวรรค์และบนดินจึงมองไม่เห็นซูสที่ไม่ได้อยู่ทั้ง บนสวรรค์และบนแผ่นดิน

           นอกจากนี้ เหล่าคิวรีทิสก็ช่วยกันคิดค้นเพลงเต้นรำแบบหนึ่งขึ้น เพลงเต้นรำแบบนี้ต้องใช้เสียงประสานของอาวุธที่อึกทึกจนกลบเสียงร้องของซูส ไว้ไม่ให้ได้ยินไปถึงสวรรค์

           ฝ่ายโครนัสสำคัญผิดว่าคำสาปของจอม บิดาไม่เป็นผลแล้วก็สิ้นวิตก มิได้แยแสกับเสียงเอ็ดอึงของเหล่าคิวรีทิส ทำให้ซูสสามารถดำรงค์ชีวิตอยู่ได้จนเติบใหญ่เป็นเทพบุตรหนุ่มที่แข็งแรง และได้นำหนังนางแพะแอมัลเธียที่ตายไปแล้วมาทำเป็นโล่ห์ประจำตัว

          เทพบุตรหนุ่มซูสกลับมารบกับโครนัสผู้เป็นบิดา ในที่สุดโครนัสก็เป็นฝ่ายปราชัยให้แก่ซูสที่มีพลกำลังเหนือกว่า ซูสจับตัวโครนัสไว้และปรึกษาพระนางรีอาผู้เป็นมารดาว่าจะทำอย่างไร

          พระนางรีอาแนะนำให้มีทิสธิดาของโอเชียนัส ปรุงยาสำรอกและบังคับให้โครนัสดื่ม โครนัสดื่มยานั้นไปแล้วจึงได้สำรอกเทพบุตรและเทพธิดาที่กลืนลงท้องไปออกมา หมดทุกองค์ รวมทั้งหินที่เข้าใจว่าเป็นซูสด้วย

          เทพบุตรและเทพธิดา พี่ๆ ของซูสที่โครนัสสำรอกออกมา คือ เฮสเทีย (Hestia) ดีมิเตอร์ (Demeter) ฮีรา (Hera) ฮาเดส (Hades) และโพไซดอน (Poseidon) ตามลำดับ

           สำหรับก้อนหินที่โครนัสสำรอกออกมาด้วยนั้น ภายหลังได้เอาไปเก็บรักษาไว้เป็นที่เคารพบูชาแทนองค์ซูส ณ วิหารเดลฟี (Delphi) จากนั้นซูสก็เนรเทศโครนัสออกไปจากเขาโอลิมปัส 












ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&blogid=48&showentry=227 


กำเนิดเทพ



ตามความเชื่อของชนชาติกรีกโบราณ เชื่อกันว่า...

              อดีตกาล นานแสนนานมาแล้ว ไม่อาจนับเวลาได้ ย้อนหลังไปถึงยุคก่อนกำเนิดโลก สรรพสิ่งทั้งหลายยังเป็นเพียงความวุ่นวาย ที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่มหึมาจนหาขอบเขตมิได้ มีแต่ความมืดมิด ปราศจากรูปใดๆ เรียกว่า
 เคออส (Chaos)

Posted Image

             กาลเวลาล่วงมาอีกนานนับกัปไม่ถ้วน โลกพิภพจึงผุดขึ้นเป็นผืนแผ่นกว้างใหญ่ไพศาล เรียกว่า
 จีอา (Gaea) ซึ่งถือว่าเป็นจอมมารดาของสรรพสิ่งทั้งมวลเพราะถือกำเนิดขึ้นก่อนใคร ผืนแผ่นดินนี้มีอิทธิฤทธิ์บันดาลให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และทำให้เกิดพายุได้

           ต่อมาจีอาก็บันดาลให้เกิดแผ่นฟ้าที่ดาษดาไปด้วยดวงดาวขึ้นปกคลุมเหนือผืนแผ่นดิน เรียกว่า
 
อูรานอส (Ouranos)
 ซึ่งถือเป็นจอมบิดาของสรรพสิ่งทั้งปวงคู่กับจอมมารดาจีอา และบันดาลให้เกิดขุมนรกที่มืดมิดและน่ากลัว เรียกว่า  ทาร์ทะรัส(Tartarus)


           กาลเวลาผ่านมาอีกนับกัปไม่ถ้วน จอมมารดาจีอาและจอมบิดาอูรานอส จากที่เดิมเป็นเพียงธรรมชาติผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ ก็ค่อยๆ กลายเป็นจอมเทพผู้ทรงอำนาจคู่แรก ทั้งสองร่วมกันเถลิงอำนาจอยู่ ณ
 "สวรรค์โอลิมปัส" ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงตระหง่านตั้งอยู่กลางแผ่นดินสูงขึ้นไปจนสุดชั้นฟ้า

          ต่อมาไม่นานจอมมารดาจีอาก็ให้กำเนิดเทพบุตร 6 องค์ คือ
 โอเซียนัส (Oceanus) ซีอัส (Coeus) ครีอัส (Creus) ไฮเพอร์เรียน (Hyperion) ไอแอพิทัส (Iapetus) และโครนัส (Cronus) และให้กำเนิดเทพธิดา 6 องค์ นามว่า เธีย (Thea) รีอา (Rhea) ธีมิส (Themis) ธีทิส (Thetis) เนโมซินี (Nemosyne) และฟีบี (Phoebe)

        เทพบุตรและเทพธิดาทั้ง 12 องค์นี้มีขนาดร่างกายใหญ่มหึมา เรียกว่า
 ไทแทน (Titan) หรือ 
ไจแกนทีส (Gigantes) ด้วยขนาดร่างกายที่ใหญ่โตนี้เอง ทำให้จอมบิดาอูรานอสหวาดหวั่นจึงได้จับเทพไทแทนทั้งหมดโยนลงไปขังไว้ในตรุทาร์ทะรัส (Tartarus) ซึ่งเป็นขุมนรกส่วนที่ลึกที่สุดในยมโลกที่มืดมิด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เทพบุตรหรือเทพธิดาองค์ใดใช้พลังเป็นปฏิปักษ์กับจอมบิดาได้

         ต่อมาจอมมารดาจีอาก็ให้กำเนิดโอรสที่ดุร้าย แถมมีร่างกายที่แปลกประหลาดมากยิ่งขึ้นไปอีก คือ เป็นยักษ์ 50 หัว 100 แขน จำนวน 3 ตน คือ
 คอตทัส (Cottus) เบรียรูส (Briareus) และ ไกจีส (Gyges)

อูรานอสรู้สึกกลัวในความดุร้ายของยักษ์ 50 หัวพวกนี้ จึงจับพวกเขาโยนลงไปขังในตรุทาร์ทะรัสอีก ..


        ต่อมาจอมมารดาจีอาก็ให้กำเนิดโอรสเป็นยักษ์ตาเดียว เรียกว่า ไซคลอปส์ (Cyclops) อีก 3 ตน มีนามตามลำดับว่า
 ฟ้าลั่น-บรอนทีส (Brontes) ฟ้าแลบ-สเทอโรพีส (Steropes) 
และแสงสว่างวาบ-อาจีส (Arges)

         จอมบิดาอูรานอสก็จับไซคลอปส์ทั้งสามโยนลงไปขังไว้ในตรุทาร์ทะรัสอีกเช่นเดียวกันด้วย แสงสว่างจากไซคลอปส์ทั้งสาม ในตรุทาร์ทะรัสที่มืดมิดจึงพอมองเห็นกันได้ เมื่อเริ่มมองเห็นแสงเทพไทแทนก็เริ่มคิดหาทางเป็นไทแต่ก็หาวิธีออกจากตรุทาร์ทะรัสไม่ได้

        ฝ่ายจอมมารดาจีอานั้นรู้สึกไม่พอใจที่อูรานอสจับลูกๆ ลงไปขังไว้ในตรุทาร์ทะรัสทั้งหมด แต่แม้จะห้ามปรามอย่างไรอูรานอสก็ไม่ฟัง จอมมารดาจีอาจึงลงไปที่ตรุทาร์ทะรัสและยุยงลูกๆ ให้ร่วมคิดกันแย่งอำนาจจากบิดาให้จงได้

Posted Image


           แม้เทพไทแทนจะอยากเป็นอิสระ จากตรุทาร์ทะรัส แต่เมื่อคิดถึงการต้องไปต่อสู้แย่งชิงอำนาจจากจอมบิดาอูรานอสก็ไม่มีใครกล้าพอ ยกเว้นโครนัสน้องสุดท้องคนเดียวที่กล้าจะทำตามคำยุยง จอมมารดาจีอาจึงช่วยโครนัสให้หลุดจากพันธนาการ และมอบเคียวให้เป็นอาวุธเพื่อไปสู้กับจอมบิดา

          ตกกลางคืนโครนัสก็ไปแอบรอท่าอยู่ใต้เตียงอูรานอสกับจีอา เมื่ออูรานอสหลับ โครนัสก็ถือเคียวอาวุธคู่มือเข้าจู่โจมจอมบิดาอูรานอสโดยไม่ให้รู้ตัว อูรานอสกำลังน้อยกว่าแถมไม่รู้ตัวมาก่อนทำให้เสียเปรียบ ยิ่งต่อสู้กันนานไปก็ยิ่งได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลทั่วร่าง เลือดของอูรานอสแต่ละหยดเมื่อตกต้องผืนแผ่นดินก็กลายเป็นยักษ์ ภูติอีรินิส และพรายน้ำจำนวนมาก

         ในที่สุดอูรานอสก็พ่ายแพ้และถูกโครนัสใช้เคียวตัดอัณฑะขว้างทิ้งลงทะเลและยึดอำนาจบนเขาโอลิมปัสไปได้ ก่อนจะสิ้นชีวิตอูรานอสได้กล่าวสาปแช่งโครนัสว่าวันหน้าขอให้โครนัสถูกลูกของตนเองแย่งชิงอำนาจไปเหมือนกับที่ตนเองถูกกระทำ

         โครนัสจัดแจงปล่อยเทพไทแทนทั้งหมดออกจากขุมนรกทาร์ทะรัส ซึ่งเทพไทแทนทุกองค์รู้สึกปิติยินดีในอิสรภาพเป็นอย่างยิ่งจึงพร้อมใจกันยก ให้โครนัสเป็นเทพบิดาปกครองเทพทั้งมวลอยู่ที่เขาโอลิมปัส ..







พอโครนัสเป็นเทพบิดาปกครองแล้ว จะเกิดอะไรต่อไป


ติดตามกันได้ในตอนหน้า....





































ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?app=blog&blogid=48&showentry=227